ในสายตาของชาวต่างชาติ ล้วนเทิดทูนยกย่อง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9” เป็นแบบอย่างของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ โดยตลอดระยะเวลา 7 ทศวรรษ นับตั้งแต่ทรงขึ้นครองแผ่นดินได้ทรงงานอย่างหนักและตรากตรำพระวรกายมายาวนาน เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกรไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศในทุกด้านให้มีความเจริญก้าวหน้า จนได้รับการยกย่องให้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก
พระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไม่เพียงแต่เป็นที่ซาบซึ้งและเทิดทูนยกย่องของพสกนิกรชาวไทย แต่ยังได้รับการแซ่ซ้องจากชาวโลกอย่างลือลั่น ด้วยพระอัจฉริยภาพที่ทรงสร้างคุณูปการต่างๆมากมาย ได้เป็นที่ประจักษ์แก่นานาประเทศ จนได้รับการทูลเกล้าฯถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณจากองค์กรระหว่างประเทศมากมาย รวมถึง องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น องค์การระหว่างประเทศทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2559 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ได้เปิดประชุมนัดพิเศษ เพื่อถวายสดุดีและเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ณ สำนักงานใหญ่ องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีตัวแทนจากทุกภูมิภาคของโลกขึ้นกล่าวสดุดี เปิดฉากด้วยประธานสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเป็นคนแรก ตามด้วย “นายบัน คีมูน” เลขาธิการยูเอ็น จากนั้นจึงเป็นคิวของผู้แทนจากทวีปต่างๆ
ผู้แทนในแต่ละภูมิภาคของโลกต่างสดุดียกย่องในหลวง รัชกาลที่ 9 ในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนา นักสร้างสรรค์ นักสร้างนวัตกรรม อีกทั้งยังเป็นที่จดจำของชาวโลกว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แนวพระราชดำริของพระองค์ ทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเรื่องพลังงานทดแทนและสภาพอากาศ รวมถึงแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีการนำไปปรับใช้ในหลายประเทศ
หนึ่งในถ้อยแถลงการถวายสดุดีและเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9” ซึ่งเป็นที่ซาบซึ้งกินใจคนไทยอย่างยิ่ง จนมีการเผยแพร่ผ่านสื่อทุกแขนง ก็คือ คำกล่าวถวายสดุดีและเทิดพระเกียรติของ “นางซาแมนธา พาวเวอร์” เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำยูเอ็น ใจความว่า “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ขึ้นกล่าวถวายสดุดีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในครั้งนี้ ในนามของสหรัฐอเมริกาขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวมถึงประชาชนไทย ต่อการเสด็จสวรรคตของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่เพียงแต่เป็นมิตรที่ยาวนานของสหรัฐอเมริกา แต่ยังทรงผูกพันอย่างมากกับสหรัฐอเมริกาด้วย
…พระองค์ไม่เพียงแต่เสด็จไปยังพื้นที่เหล่านั้น แต่ยังทรงพบปะพูดคุยกับประชาชนในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นชาวประมง, ชาวสวนยาง, ชาวนา หรือนักเรียนประถมตัวเล็กๆ ขณะเดียวกัน ก็ทรงมีรับสั่งกับข้าราชการตัวเล็กๆในท้องถิ่น นอกจากจะทรงเป็นนักสังเกตการณ์ชั้นยอดแล้ว ยังทรงกระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหาที่พบเจอ และทรงสนับสนุนให้ประชาชนชาวไทยดำเนินรอยตาม
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แม้จะเสด็จสวรรคตไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 แต่พระราชกรณียกิจและแนวทางที่ท่านได้วางไว้ยังคงมีอิทธิพลและอยู่ในใจของคนไทยเสมอ ภาพลักษณ์ของท่านในฐานะพระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักเพื่อความสุขของประชาชนและความเจริญรุ่งเรืองของชาติยังคงดำรงอยู่และเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยทุกคน
ท่านยังคงเป็น “พระราชาในดวงใจ” ของประชาชน ซึ่งการทรงงานในโครงการต่าง ๆ ที่ท่านได้ริเริ่มไว้ เช่น โครงการเกษตรกรรม โครงการน้ำเพื่อชีวิต และแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง ยังคงมีผลต่อการพัฒนาประเทศและการดำเนินชีวิตของประชาชนในปัจจุบัน
แม้ท่านจะไม่อยู่แล้ว “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ยังคงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงจิตใจของคนไทยและสร้างความสมานฉันท์ในชาติ คนไทยยังคงระลึกถึงพระองค์ในหลายโอกาส และการทำนุบำรุงพระราชกรณียกิจของท่านจะยังคงดำเนินต่อไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนในอนาคต